เชื่อว่า ทุกคนคงเคยเจอเหตุการณ์ทำโทรศัพท์มือถือร่วง ด้วยความที่ต้องหยิบจับขึ้นมาใช้งานตลอดเวลา ไม่ว่าจะเดิน นั่ง หรือแม้แต่นอนก็ยังเคยร่วงใส่หน้ากันมาแล้วใช่ไหมล่ะ แต่บางทีดันโชคไม่ดีร่วงตกพื้นจนโทรศัพท์จอแตก ยิ่งสมัยนี้มีแต่พวกมือถือทัชสกรีน ถ้าจอแตกก็ดันใช้งานไม่ได้ซะด้วยสิ แต่ปัญหาคือ ควรส่งเข้าซ่อมที่ไหนดีระหว่างเข้าร้านตู้หรือเข้าศูนย์ แต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไร มาดูกัน
ก่อนส่งซ่อมควรเช็คยังเหลือประกันอยู่หรือไม่
หากโทรศัพท์จอแตก แรบบิท แคร์ ขอแนะนำอย่าพึ่งรีบตัดสินใจว่า จะส่งเข้าร้านตู้หรือเข้าศูนย์ดีกว่ากัน เพราะบางทีคุณอาจเสียสิทธิ์ที่ควรจะใช้ได้ไปแบบไม่ทันรู้ตัว เพราะงั้นสิ่งแรกที่คุณควรทำคือ เช็คประกันโทรศัพท์ว่ายังเหลืออยู่มั้ย ถ้ายังเหลือประกันอยู่ก็นำโทรศัพท์จอแตกส่งเข้าศูนย์ไปซ่อมที่ศูนย์ดีกว่า แต่ถ้าไม่มีประกัน หรือ หมดประกันแล้ว หรือ มีประกัน แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่อยมานั่งเปรียบเทียบกันดูอีกครั้งก่อนส่งซ่อม (แต่กรณีจอแตกส่วนใหญ่มักจะสิ้นสุดระยะเวลาประกันทันทีนะ)
เลือกส่งโทรศัพท์จอแตกเข้าซ่อมร้านตู้
● ข้อดีของการเลือกร้านตู้
- ราคาประหยัด
เชื่อเลยเรื่องแรกที่หลายคนมักจะหยิบมาพิจารณาก็คือเรื่องของงบประมานที่ต้องจ่ายในการซ่อมโทรศัพท์จอแตกเลยเป็นเหตุผลสำคัญให้คนส่วนใหญ่เลือกเข้าซ่อมร้านตู้ เพราะราคาประหยัดมากกว่าหลายเท่า
- ซ่อมเร็วทันใจ
นอกจากจะราคาประหยัดแล้ว หากนำโทรศัพท์จอแตกไปซ่อมตามร้านตู้ตั้งทีแค่รอรับใช้เวลาไม่นานเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถรอรับกลับบ้านไปใช้ได้ทันทีถือว่า รวดเร็วทันใจไม่ต้องรอนานเหมือนเอาเข้าศูนย์ที่ต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนกว่าจะซ่อมเสร็จก็ใช้เวลาเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว คิดดูซิว่า จะลำบากขนาดไหนถ้าไม่มีมือถือใช้นานขนาดนั้น
- มีทางเลือกเพิ่มมากขึ้น
เมื่อคุณทำโทรศัพท์จอแตกแล้วต้องส่งซ่อม ถ้าเลือกศูนย์แน่นอนว่าคุณจะมีเพียงทางเลือกเดียวเท่านั้นคือต้องเปลี่ยนอะไรแท้ของแบรนด์โทรศัพท์นั้น แต่ถ้ามองหาร้านตู้ก็จะมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นอาจเป็นอะไหล่แบรนด์แท้ในราคาถูกกว่าหรืออะไรทดแทนที่ไม่ใช่ของแบรนด์โดยตรงแต่คุณสมบัติใกล้เคียงกัน
ข้อเสียของการเลือกร้านตู้
- ต้องระวังการถูกเปลี่ยนอะไหล่เอาของแท้ออก